วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นิทานเซียงเมี่ยงต่อ

                                                 
ตอนที่ 4  เล่นทายปัญหากัน
เช้าวันหนึ่ง ชาวบ้าน มาช่วยกันทำงานอยู่วัด ทำงานไปคุยกันไป แล้วก็ชวนกันเล่นทายปัญหากัน พ่อเฒ่าคนหนึ่ง ก็ถามขึ้นมาว่า “อะไรเอ่ย
แม่มันร้องอี้อี้ ลูกมันพี้ ลั่นตั้น ลั่นตั้น “  ชาวบ้านก็ตอบว่า  ‘’ หมูกินรำ? ‘’
….”บ่แม่นน”….แย่งกันตอบสักพักแต่ก็ไม่มีใครตอบได้...ก็เลยต้องเฉลย คำตอบก็คือ ไนปั่นด้าย นั่นเอง...พอเฉลยเสร็จก็ทายคำถามใหม่ แต่
ก็ยังเหมือนเดิม คือไม่มีใครตอบได้เลย จนมาถึงคำถามที่ว่า ‘ ผู้หญิงไปได้หลาย ผู้ชายไปได้หน่อย เด็กน้อยไป บ่ได้จั๊กเม็ด ’  และก็ไม่มีใคร
ตอบได้อีก แต่ละคนก็ต้องบอกว่ายอม และคะยั้นคะยอให้พ่อเฒ่าเฉลย แต่ครั้งนี้พ่อเฒ่าไม่ยอมเฉลย พอดีเณรเมี่ยง เดินมา ก็ได้ฟังคำถาม
จากพ่อเฒ่าแล้วก็ตอบว่า บักหญ้าฝืด(หญ้าเจ้าชู้) แม่นบ่??...(ผู้หญิงนุ่งซิ่นรุ่มร่าม หญ้าเจ้าชู้มันติดชายซิ่น, ผู้ชายนุ่งซ่งหญ้ามันก็เลยติดไม่
มาก ส่วนเด็กน้อยมันไม่ได้นุ่งอะไร หญ้ามันก็ไม่มีที่จะให้ติด) ....แม่น..พ่อเฒ่าตอบเณรเมี่ยง ....พ่อเฒ่าก็เลยถามต่อว่า ‘ อยู่โคกสร้างถ้วย
อยู่ห้วยสร้างมอง อยู่หนองกองก้น แมนหยัง?? ’  เณรเมี่ยงก็ตอบว่า  ‘ อยู่โคกสร้างถ้วยก็คือ มดลิ้นเฮ็ดขวย   อยู่ห้วย
สร้างมอง ก็คือ แมงย่างซิ้นเฮ็ดฮัง(แมงมุมชนิดหนึ่ง) อยู่หนองกองก้น ก็คือ หอยแม่นบ่?? ’…แม่น...พ่อเฒ่าก็ถามอีกว่า  ‘ นอนเว็น ขี้ค่ำ
นอนต่ำขี้สูง คืออะไร ’ เณรเมี่ยงก็ตอบว่า  ‘ นอนเว็นขี้ค่ำ ก็คือ กระต่าย นอนต่ำขี้สูง ก็คือ ไส้เดือน แม่นบ่  ’..แม่นน....พ่อเฒ่าก็ถามต่อว่า   ‘
สี่ขายั้งธรณีแอะแอ่น อ้าปากขึ้นเทิ้งฟ้า คาบงา แมนหยัง??  ’ เณรเมี่ยงก็ตอบว่า ข้องไส่ปลา แม่นบ่??....แม่น....พ่อเฒ่าก็ถามอีกว่า  ‘ เฒ่า
สองเฒ่า บังเล้า บ่เห็นกัน แมนหยัง??? ’ เณรเมี่ยงก็ตอบว่า ‘หูสองข้าง แม่นบ่??’….แม่น....พ่อเฒ่าไม่ท้อก็ยังถามคำถามอีก ‘นั่งสูงกว่ายืน
แมนหยัง??? ’ เณรเมี่ยงก็ตอบว่า ‘หมากะแมว ถืกบ่??’ …ถืก...เหงื่อพ่อเฒ่าก็เริ่มจะเป็นเม็ดเป้งซะแล้ว ‘บ๊ะ ถามหยังกะตอบได้เหมิ๊ดเว่ย’
คำถามนี้ล่ะต้องอยู่หมัดแน่ๆเลย ‘กาบินไป กาฮ้อง กาบินมา กาหลง แมนหยัง ’ เณรเมี่ยงตอบว่า ‘กาหลง กะ กงหลา ท่อนั่นตั้ว ถืกบ่?? ’ ถืกอ
ยู่.....พ่อเฒ่านั่น ก็ถามคำถามแล้วคำถามเล่า จนพ่อเฒ่าเริ่มจะหมดคำถามจึงบอกว่า ‘เอ้า มีแต่พ่อใหญ่ ถามอยู่ฝ่ายเดียว เณรเมี่ยงลองทาย
มาเบิ่งกะดู๊ ’ เณรเมี่ยงเลากะได้เรียนธรรมเรียนบาลีเนาะ กะเลยถามว่า  ‘สัพพี สัพพัง ดังวา คุชลามิคา แมนหยังเอ๋า’ พ่อเฒ่านั่น กะว่า (( และ
ต่อไปนี้จะเป็นภาษาอีสานล้วนๆซึ่งชายแปลไม่ไหวแล้วขี้เกียจ+เหนื่อยจากงานเต็มทน )) พ่อเฒ่านั่น กะว่า ? สัพพี กะคำพระสวดให้
พรนั่นแหล่ว ? ? บ่แมน มันบ่ง่ายปานนั่นดอก พ่อใหญ่เอ้ย..คึดเบิ่งใหม่ ? พ่อเฒ่านั่น คึดแล้วคึดอีก กะคึดบ่ออก ตอบแล้วตอบอีก กะตอบ
บ่ถืก สิทวยแก้ เพื่อที่สิให้เณรเมี่ยงเฉลย เณรเมี่ยงกะตอบได้เหมิดเอาโลด ? กลิ้งขู่หลู่ เห็นขี้หยุดจ่ะ แมนหยัง ? ? กวักอักไหม หาขี้ไหม (พอ
เห็นขี้ไหมกะหยุดแล้วกะเอาขี้ไหมออก) ? ? บ่กิน บ่ขี้ มีแต่ปี้ท่าเดียว แมนหยัง ? ? บี้ (ฝักหลอกที่เอาไว้ทำพันธุ์แล้วมันเป็นแมงบี้นั่นหนา) ? ?
บักน้อย ๆ แก่ผ้าแดงลอดขอน แมนหยัง ? ? แย้ (ท้องแย้ลายแดง ๆ คือผ้า) ? ? เหล็กแดง แทงดิน แมนหยัง ? ? มันแกวแดง ? ? ดำคือหมี
แฮ่งตี แฮ่งกัด ดำคือหมัด แฮ่งกัด แฮ่งตี แมนหยัง ? ? ดำคือหมี แฮ่งตี แฮ่งกัด กะคือ สิ่ว ดำคือหมัด แฮ่งกัด แฮ่งตี กะคือ ค้อนตอกสิ่ว ? ?
โก่งโค้งโน่ง ข้วมท่ง สามแสน ผู้ได๋ทวยแม่น ให้แหวนวงนึง ? ? ฮุ้งกินน้ำ ? ? ต้นท่อเข็ม ใบเต็มน้ำ แมนหยัง ? ? ผักแว่น ? ? อ่อล่อ ท่อโป้
มือ พือไปทั่วท่ง แมนหยัง ? ? หน่วยตา ? ? บักหัวโล้น โตนน้ำแต่เดิ่ก แมนหยัง ? ? กะบวยตักน้ำ ? ? บักน้อย ๆ โตนตั่งคอหัก หมาโตนสัก
แมงวันแตก พืง แมนหยัง ? ? ขี้ ? ? สัตว์สี่ขา หน้าสั้น ฮ้องสนั่น เสียงไกล แมนหยัง ? ? อึ่ง ? ? ต้วยก้น บ่ให้ว่าต้นก้วย แมนหยัง ? ? เช็ด
ขี้มูก ? ???. ในที่สุด กะเลยบ่ฮู้คำเฉลย เณรเมี่ยงกะบอกว่า คันอยากฮู้คำเฉลย กะให้หาแนวกินแซบ ๆ เฮ็ดลาบเทาแซบ ๆ มาถวาย เด้อ จั่ง
ค่อยสิบอก พะนะ นั่นล่ะ ชื่อเสียงของเณรเมี่ยง กะเลยเริ่มขจรขจายไกล ซั่นตี้ล่ะ



                                              ศรีธนญชัย
ตอนที่ 5 หลวงพ่อกินขี้หมา

มื้อหนึ่ง ยามเช้า หลังจากฉันจังหันเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อไปธุระในเมือง ให้เณรเมี่ยงอยู่เฝ้าวัด พร้อมทั้งสั่งให้เณรเมี่ยงเฝ้ากุฏิดีดี อย่าให้หมู
หมากาไก่ มาขี้ใส่กุฏิ เด้ หว่างมื้อเช้านี้ พ่อออก แม่ออกเอาข้าวต้มข้าวหนม พร้อมทั้งถั่ว งา มาถวายหลายเติบยุ เณรเมี่ยงอยากกินข้าวหนม
ดนดน กะเลยเอาข้าวหนมพวกนั้น มาตำคลุกรวมกัน แล้วกะปั้นเป็นก้อนยาว ๆ คือขนมหนังต่องแอก นั่นแหม เลาก๋าว่าสิเฮ็ดข้าวหนมแดกงา
นั่นล่ะหวา เฮ็ดแล้วแล้ว กะเอาไปตากย่ายไว้สาด สาดนั่นกะเป็นสาดตากข้าวแห้งเด้ ตากแล้วเรียบร้อย กะไปนอนเล่นพักผ่อน สบายอารมณ์
เสย ขนมแดกงา ที่เณรเมี่ยงเอาตากไว้ เบิ่งจั่งนึง มันผัดคล้าย ๆ กับกองขี้หมา เด้บ่ะได๋ หลวงพ่อกลับจากธุระ เห็นข้าวหนมเณรเมี่ยงตากย่า
ยอยู่สาด กะเข้าใจว่าขี้หมา กะเลยเอิ่นเณรเมี่ยงมา ว่า เป็นหยังจั่งค่อยให้หมาขึ้นมาขี้ใส่ข้าวแห้ง แล้วกะสั่งให้เณรเมี่ยงกินขี้หมาซุมนั่น
เป็นการทำโทษ เณรเมี่ยงกะทำเป็นอิดออด บ่กล้ากิน แต่ในที่สุดกะกิน แล้วกะกินเอา กินเอา อย่างเป็นตาแซบ ? ป้าด แซบ ๆ ๆ ?.? หลวงพ่อ
เห็นเณรเมี่ยงกินเป็นตาแซบ กะเลยถามว่า ? มันแซบอีหลีติเมี่ยง มันบ่เหม็นติ ? ? แซบอีหลีครับหลวงพ่อ ลองชิมเบิ่งครับ ? หลวงพ่อกะเลย
หยิบ มาลองชิมเบิ่ง ? โฮ้ หวาน หอม แซบดี.... อืม ขี้หมามันกะแซบปานนี้ตั้วหนิแมะ คันฮู้จั่งซี้ ปล่อยให้หมามาขี้ใส่แต่โดนแล้ว......... มื้อ
ลุน บ่ต้องไล่มันเด้อเมี่ยง ปล่อยให้มันมาขี้ใส่หลาย ๆ โลดเด้อ ? เณรเมี่ยงกะหัวย่ามอยู่ในใจ นั่นแหล่ว มื้อลุน ก่อนหลวงพ่อสิไปธุระ กะสั่ง
เณรเมี่ยงว่า ? เมี่ยงเอ้ย มื้อนี้ ปล่อยให้หมามาขี้ใส่ข้าวแห้งหลาย ๆ เด้อ ห้ามไล่เด็ดขาด เด้อ ? เณรเมี่ยงกะหนีไปหาเล่นอยู่หม่องอื่น ปล่อย
ให้หมา มาขี้ใส่สาดตากข้าวแห้งอีหลี ตามคำสั่งของหลวงพ่อ พอหลวงพ่อกลับจากธุระ เลาติดใจรสชาติขี้หมาเนาะ กะเลยฟ้าวไปหยิบขี้หมา
ขึ้นมากิน ? บ๋า กองนี้มันคือบ่แซบหว่า เป็นเหม็น ๆ นำ ? เลาสงสัย แล้วกะหยับไปหาชิมกองอื่นต่อไป.... เณรเมี่ยง กะจอบเบิ่งอยู่เด้ ... ฮ้อง
ถามหลวงพ่อว่า ? เป็นจั่งได๋ครับ หลวงพ่อ แซบบ่ ? ? เป็ง เหม็ง ๆ ฉ่ง ๆ (เป็นเหม็น ๆ ส้มๆ) ? หลวงพ่อเบ๋ปากตอบเณรเมี่ยงเลากะหัวย่าม
ย่าม แหล่วเนาะ ? (ไผว่าขี้หมามันแซบ... ขี้หมามันบ่แซบเดิก...) ?
 
                                                                
ตอนที่ 6 หลวงพ่อแยคันทัน

พ่อใหญ่ผู้เลาทวยแพ้เณรเมี่ยง กะพยายามคิดหาคำตอบของคำทวยเด้ แต่ว่าคิดจั่งได๋กะคิดบ่ออก
? สัพพี สพพัง ดังวา คุชลามิคา มันแมนหยังน้อนอ ? กลับมาถามเณรเมี่ยง เณรเมี่ยงกะบ่บอก กะบอกคือเก่าว่า ต้องหาลาบเทาแซบ ๆ มา
ถวาย เป็นการแลกเปลี่ยนเด้ ว่าซั่น เฒ่าพ่อใหญ่นั่น กะเลยอดทนคองคอยท่าจนฮอดยามเทาเกิด เลากะไปหาทาวเทา ได้เทาอ่อนอั่วลั่วดี้ดี
เลากะเอามาลาบใส่ป่นปลาค่อ ทุบหมากเขือขื่นใส่พร้อม ปรุงอย่างแซบนัว กะเอาไปถวายเณรเมี่ยง กับหลวงพ่อ เณรเมี่ยงฉันลาบเทา
เรียบร้อยแล้ว กะเลยมาเฉลยคำทวยให้ฟังว่า ? สับพี กะคือ ไก่เอาปากสับอึ่ง อึ่งมันเลยพองโตขึ้น จนพี สับพัง กะคือ บักจกถากขอบส่าง
ขอบส่างมันกะพังย่าว ดังวา กะคือ ดังช้าง หรือว่างวงช้างนั่นล่ะ มันยาวเป็นวา ส่วน คุชลามิคา กะคือ คุฮั่ว...คุ กะคือ คุ ชลา กะคือน้ำ มิคา
กะคือ บ่คา แปลว่า คุน้ำบ่คา กะคือ คุรั่ว นั่นเอง ? หลวงพ่อฉันลาบเทา ฮู้สึกแซบคัก ถืกใจผู้เฒ่าคัก พอฉันเพลแล้ว เลากะเลยถามเณรเมี่ยง
ว่า ? เมี่ยง หว่างเพลฮั่น แนวกินอันเขียว ๆ น่ะ แมนอีหยังเกาะฮึ แซบดีคัก ? ? ลาบขี้อ่อนงัว ครับหลวงพ่อ ? ? โอ ... ติ ลาบขี้อ่อนงัววะติ
แซบน้อ ขี้อ่อนงัวหนิ ? หลวงพ่อเลาว่า มื้อลุนมา หลวงพ่อคึดอยากลาบขี้อ่อนงัวซั่นเด้บาดตาหนิ คองท่าให้โยมเอามาถวายอีกกะบ่มีไผเอา
มาถวาย คองแล้วกะคองอีก จนเลาทนบ่ไหว กะเลยถามเณรเมี่ยงว่า ? เอ..เมี่ยง .. ขี้อ่อนงัวหนิ เขาไปเอามาแต่ไส เขาไปเอาบ่อนจั่งได๋มันฮึ
? ? ขี้งัวนี่เนาะหลวงพ่อ ถ้าอยู่ในลำไส้เลิ่กๆ คัก ๆ กะคือ ขี้เพี้ย ถ้าอยู่ในท้อง ยังบ่ทันขี้ออกมา กะคือ ขี้อ่อน ถ้าออกมาจากท้องงัวแล้ว กะคือ
ขี้แก่ ..... ขี้เพี้ย กะเอาไปใสลาบใส่ก้อย....ขี้อ่อนกะเอามาลาบกิน....ขี้แก่ บ่มีไผกิน ตั้วครับหลวงพ่อ ? ? แล้วกะขี้อ่อนงัวหนิ เขากะไปจกเอา
จากดากมันนั่นแหล่วหลวงพ่อ ? เณรเมี่ยงตอบ พอสวย ๆ จักหน่อย หลวงพ่อกะเลยชวนเณรเมี่ยง ไปท่งนา สิไปหาจกเอาขี้อ่อนงัวว่าซั่นเถาะ
พอเห็นงัวอยู่นำท่งนา หลวงพ่อกะบอกเณรเมี่ยงว่า ? เมี่ยง ๆ ไป เจ้า เข้าไปจกเอามาให้หลวงพ่อแหน่ไป ? ? ผมจกบ่เถิงดอกครับหลวงพ่อ
งัวโตสูงปานหนิ หลวงพ่อจัดการโลดครับ ผมสิถือกะต่าให้ ? หลวงพ่อกะเลยค่อย ๆ ย่องเข้าไปทางหลังงัว เอามือนุ่ยใต้หางมัน ? นุ่ย ๆ ๆ ๆ ๆ
? วะซั่นว่า งัวมันกะยกหางขึ้น ยืนหลับตามีแฮงแหล่วเนาะ ไปนุ่ยดากมันแมะ หลวงพ่อได้ที กะเลยเอามือจกดากงัว มันกะจกบ่เข้าเหล่ว ดาก
มันยุ่มอยู่แมะ งัวเทิงเจ็บเทิงตกใจ กะเลยดีดโด่งวะหนึ่ง ขาถีบถืกหลวงพ่อ ล้มป่างง่าง ? เออะ ๆ ๆ ๆ... อู๊ย... เจ็บ ๆ งัวฮ่าเอ้ย ปะสาขี้ สำมา
หวงคักหวงแหน่ แท้ว้า ? ? กะมันยังบ่ทันได้เบ่งออกมา มันกะหวงนั่นตั้วครับ หลวงพ่อ กะเลือกเอา โตที่มันกำลังเบ่งออกมา แหน่แหม ? เณร
เมี่ยงแนะนำ ? บ้อเมี่ยง... เอ้อ...กะบอกกันจั่งซี้ แหน่แหม ? หลวงพ่อกะย่างหางัวโตที่กำลังเบ่ง(ขี้) .....ไปพ้อพอดี เณรเมี่ยงกะเอามือชี้ท่วง
ว่า ? นั่น ๆ หลวงพ่อ กำลังตูนพู่ยู่ พู่ยู่ ออกมาอยู่นั่น ฟ้าวจก ฟ้าวจก ? หลวงพ่อย่านบ่ทัน ฟ้าวแล่นเข้าไป เอามือจกดากงัว มือเลากะหลูลัวะ
เข้าไป อุ่นย่วยวะหนึ่ง เลากะฟ้าวจกต่อเข้าไป จนมิดแขนศอก เอามือกำขี้งัวไว้ ฝ่ายงัว ตั้งใจสิขี้แซบ ๆ บัดมีแนวมากวน งัวมันตกใจ เทิงเจ็บ
นำล่ะตี้ กะเลยคาดลาดยุ่มดาก แล้วกะกระโดดโด่ง แล่นหนีเตลิดเปิดเปิง แขนหลวงพ่อถืกดากงัวยุ่มฮัดไว้ หลวงพ่อเลากะเลยถืกงัวลาก ตะ
ดาดตะดาดไปตามไฮ่นา แต่ว่าเลากะยังบ่ปล่อยกำขี้งัวในมือเด้ ... กะเลาอยากได้เนาะ ? เมี่ยง ๆ ซ่อยแหน่... ซ่อยแหน่ ? ? แยคันทัน หลวง
พ่อ แยคันทัน แยคันทัน ? เณรเมี่ยงเลาตกใจนำ ฮ้องบอกหลวงพ่อ พอดีงัวมันลากหลวงพ่อไป เถิงคันแทนา หลวงพ่อกะเลยยันคันแทไว้ มือ
เลาเลยหลุดออกจากดากงัว ? เมี่ยง ๆ ได้แล้ว ได้แล้ว ได้กำนึงแล้ว เอากะต่ามาใส่ เร็ว ๆ ? เณรเมี่ยงถือกะต่ามา หลวงพ่อแบมือออกสิเอาขี้
อ่อนงัวใส่กะต่า ? ขี้งัวคือเหม็นแท้หว่า ..ฮ่วย มันขี้แก่งัวตั้วหนิ ? หลวงพ่อเลาว่า ? สงสัย ขี้อ่อนงัวมันอยู่เลิ่ก ๆ ก่อนี้มั้งครับหลวงพ่อ ? เณร
เมี่ยงเลายังตั๋วต่ออีกเด้เดียวหนิ ? โฮ้ หลวงพ่อเก่งคักเนาะ สุดยอดเลย สู้งัวได้ ? เณรเมี่ยงเลาย่องต่อ ? แล้วที่เจ้าว่า แยคันทัน แยคันทัน น่ะ
มันแม่นหยังล่ะ เมี่ยง ? ? แยคันทัน กะ ยันคันแท นั่นเด้หลวงพ่อ ? ? ฮู้ย...เจ็บแอว เจ็บคิงเหมิดเอาโลด คันขี้อ่อนงัว มันเอายากปานนี้ ข้อย
บ่เอานำเด้อ.. ยอมแพ้แล้วล่ะ ? พะนะ หลวงพ่อว่า สรุปแล้ว หลวงพ่อกะบ่ได้ขี้อ่อนงัว บ่ได้กินลาบเทา แถมยังถืกเณรเมี่ยงต้ม หลอกให้ไปกำ
ขี้งัวจนเกือบเอาซีวิตบ่รอดอีกซ้ำแม๋....

นิทานเซียงเมี่ยง

ชื่อเดิมของศรีธนชันั้นคือ เชียงเมี่ยง บางท่านอาจจะยังไม่รู้ ซึ่งเนื้อหา
ที่จะเอามานำเสนอนี้ เป็นเพียงบางส่วนของนิทานโดยที่ผมจะพยายามรวบรวมให้มากที่สุดและให้
เพื่อนๆได้อ่านเป็นตอนๆไปแต่อาจจะไม่ได้เรียงตอนตามตำรานิทาน แต่ผมจะจับมาเรียงใหม่
ตามแบบฉบับของผู้ดี เพื่อความสะดวกครับ ซึ่งบางบทความที่ชายค้นเจอมาเป็นภาษาพื้นบ้าน
ของทางอีสานเค้านะครับ บางคำผมอาจจะไม่รู้ เพราะมันไม่ใช่ภาษาที่บ้านชายใช้นะครับ



ตอนที่ 1 กำเนิดเชียงเมี่ยง

ยังมีเมืองใหญ่กว้างขวางเมืองหนึ่ง ชื่อว่าเมือง ทวาลี มีพญาทวาละ เป็นเจ้าเมือง
มีมเหสีชื่อ สุวรรณบุปผา ก็ได้ปกครองเมืองมา สงบสุข ร่มเย็น ชาวเมืองสุขถ้วนหน้า
และในเมืองทวาลีนั่นเอง ก็มีผู้ชายผู้หนึ่ง ชื่อว่า หมั่นตั้น กับผู้หญิงชื่อว่า นางปลี 
แต่งงานอยู่กินกันมาหลายปีดีดัก ก็ยังไม่มีลูก จนอยู่มาวันหนึ่ง ตอนกลางคืน นางปลี
นอนหลับและฝันว่า ตนนั้น หิวข้าง จึงเดินไปหาเก็บ ขี้หลักเหยี่ย(อันนี้ผมไม่รู้ว่าอะไรนะฮะ..ผู้รู้ช่วยแปลหน่อยละกัน)
กินจนอิ่ม สะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็ประหลาดใจยิ่งนัก เลยไปหาพราห์มเฒ่า แถวๆนั้น และเล่า
ความฝันให้ท่านพราห์มฟังว่า ''ข้าน้อยได้เดิน เลาะเก็บหยากไย่ ขี้หลักเหยี่ย กินจนอิ่มท้อง ฝันแบบนี้
มันจะเกิดอะไรหรือมีความหมายว่าอย่างไรท่าน'' พราห์มเฒ่าก็ได้ทำนายความฝันนั้นว่า
''เจ้าจักมีลูกชาย ซึ่งเป็นผู้มีบุญยาธิการ มีปัญญาล้ำเลิศ กว่าชาวบ้านทั่วทั้งแผ่นดิน เป็นคนฉลาดหลักแหลม''
หลังจากนั้นอีกไม่นาน นางปลี ก็ได้ท้องและคลอดออกมาเป็นผู้ชายจริงดังคำทำนาย จึงได้ตั้งชื่อลูกชายไว้ว่า
''เมี่ยง'' และนี่คือกำเนิดของผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงขจรไกล ในเวลาต่อมานั่นเอง
ศรีธนญชัย

ตอนที่ 2 ล้างไส้ เอาขี้ไก่ออก

หลังจากเชียงเมี่ยงได้เติบใหญ่ พ่อแม่ก็ได้เลี้ยงดูฟูมฟักมาเป็นอย่างดี จนอายุได้ประมาณ 7 ขวบ นางปลี ก็ได้
ให้กำเนิดลูก ซึ่งเป็นเพศชายเหมือนกัน ฉะนั้นยามที่พ่อและแม่ต้องไปทำนา เชี่ยงเมี่ยงก็ต้องเป็นคนดูแลน้อง
คอยไกวเปลน้อง ทำหน้าที่พี่ชายได้เป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่ง พ่อกับแม่ก็ไปทำนา และให้เชียงเมี่ยงดูแลน้องเหมือนเช่นเคย
น้องก็พอจะเดินได้บ้างแล้ว ก็พากันไปเล่นดิน เล่นฝุ่น เกลือกดิน เกลือกขี้ไก่ เกลือกขี้หมา จนตัวดำปิ๊ดปี๋ สกปรกมอมแมม
เล่นไปเล่นมาจนน้องชายเหนื่อยล้า น้องชายก็เลยนอนหลับทั้งๆที่ไม่ได้อาบน้ำ ในใจเชียงเมี่ยงก็คิดในใจว่า ''เฮ่อ..ไม่อาบน้ำให้มันแล้ว
ขี้เกียจ เล่นกับมันก็ดีแค่ไหนแล้ว'' นึกแล้วเชียงเมี่ยงก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำสบายตัว ''อาบแล้วค่อยมานอนหลับ''เชียงเมี่ยงคิด........พอตกเย็นมา
พ่อกลับแม่กลับจากทำนา เห็นตัวน้องเล็ก เปื้อนขี้ เปื้อนเยี่ยว เลอะเทอะมอมแมม ก็เลยตะโกนเรียกเชียงเมี่ยงมากล่าวตักเตือนว่า
''เมี่ยงเอ๊ยย เอ็งดูน้องเอ็งยังไง ถึงปล่อยให้น้องสกปรกเลอะเทอะขนาดนี้ ทำไมไม่อาบน้ำให้น้อง 
ถ้าวันไหนน้องเลอะเทอะ มอมแมมแบบนี้ ต้องล้างน้องให้สะอาด ให้เกลี้ยง ทุกซอกทุกมุมนะ''.... ''เอ้อ เอ้อ''
เชียงเมี่ยงรับคำ และก็เหมือนเคยพ่อกับแม่ก็ออกไปทำนา เชียงเมี่ยงก็เลี้ยงน้องดูแลน้องเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ
แล้วก็เล่นกับน้องจนสกปรกเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ แถมน้องยังหยิบขี้ไก่กินอีกตะหาก เชียงเมี่ยงก็ได้รับปากพ่อกับแม่ไว้แล้วว่าถ้าน้องสกปรก 
ต้องล้างให้สะอาดให้เกลี้ยง เชียงเมี่ยงก็เลยพาน้องไปอาบน้ำ ถูจนขี้ไคล ขี้ดิน ขี้หมา ขี้ไก่ ออกหมดแล้ว
สะอาดหมดจดก็นึกในใจอีกว่า ''เอ น้องกินขี้ไก่เข้าไปในท้องนี่หว่า'' เชียงเมี่ยงก็เลยเอามีดปาดท้อง เปิดท้องเอาไส้น้องออกมา 
ล้างเหมือนล้างไส้ไก่ มันอยากจะล้างเอาขี้ไก่ออกให้หมด จัดการเรียบร้อย มันก็ยัดไส้น้องกลับคืนที่เดิมของมัน 
แล้วก็เอาน้องมานอนไว้ในเปลญวนไกวเปล ส่วนน้องก็นอนตายอยู่ในเปล มันก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
เฮ่อ...พ่อแม่กลับมาจะเป็นยังไงบ้างน้อ



ตอนที่ 3 บวชเณร

พ่อกลับแม่ กลับจากนา เห็นน้องนอนอยู่ในอู่ ก็นึกว่านอนหลับ เลยไม่ทันได้เอะใจ จนเวลาผ่านไป นาน พ่อก็สงสัยว่า ทำไมถึงนอนหลับนานจนผิดปกติ
จึงเดินไปเปิดผ้าห่มออก ก็เห็นท้องมีรอยขาด ลูกตายแล้ว!!!!!! สร้างความเสียใจให้พ่อกับแม่เป็นอย่างมาก ตะโกนเรียกเชียงเมี่ยงมาด่า เชียงเมี่ยงก็แก้ตัวว่า
ต้องการล้างขี้ไก่ออกจากไส้น้องให้มันสะอาด ตามที่ได้รับปากไว้ ไม่คิดว่าน้องจะตาย พ่อกับแม่อดรนทนไม่ไหว ไม่ต้องการให้เชี่ยงเมี่ยงอยู่ในบ้าน
ก็เลยไล่เชียงเมี่ยงออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนนั้น เชียงเมี่ยงถูกขับไล่ออกจากบ้าน เดินซมซานหาที่พักพิง เดินเลาะตามบ้านญาติพี่น้อง หาที่อยู่ 
ซึ่งญาติก็รู้เหตุการณ์ทั้งหมดแล้วไม่มีคนไหนรับให้อาศัยอยู่ในบ้าน เชียงเมี่ยงจึงซมซานดั้นด้นเดินทางต่อ จนมาพบกับ สมภารเฒ่า อยู่วัดหลวง 
เชียงเมี่ยงจึงเดินเข้าไปในวัด ขอพักอาศัยอยู่กับหลวงพ่อ เป็นเด็กวัด กินข้าวก้นบาตร ช่วยเหลืองานวัด ปัดกวาดกุฏิ ลานวัด รับบาตร ล้างบาตร ล้างถ้วยชาม 
หลวงพ่อเห็นว่า อายุก็พอจะบวชได้แล้ว ก็เลยจัดการบวชเณรให้เชียงเมี่ยง
ก็เลยกลายเป็นเณรเมี่ยง ก็ได้ร่ำเรียน เขียนภาษาบาลี หนังสือธรรม ตัวหนังสือไทยน้อย ซึ่งเณรเมี่ยงเป็นคนฉลาด จึงเรียนรู้ได้เร็ว